Monday, October 20, 2025

🧴 คาร์บอนฟุตพริ้นต์: ขวดพลาสติกอาจเป็นพระเอกในโลกบรรจุภัณฑ์

ในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นวาระสำคัญระดับโลก วัสดุบรรจุภัณฑ์จึงถูกจับตามองมากขึ้นว่า “ดีต่อโลกจริงหรือไม่”

หลายคนอาจรีบตัดสินว่าพลาสติกคือผู้ร้ายของสิ่งแวดล้อม เพราะภาพจำเรื่อง "ขยะทะเล" หรือ "ใช้แล้วทิ้ง" แต่เมื่อมองลึกลงไปที่ คาร์บอนฟุตพริ้นต์ (Carbon Footprint) — ตัวเลขอาจบอกเราคนละเรื่องกับสิ่งที่เราเคยเชื่อ


คาร์บอนฟุตพริ้นต์คืออะไร?

Carbon Footprint หรือ รอยเท้าคาร์บอน คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจก (เช่น CO₂) ที่ปล่อยออกมาตลอดช่วงชีวิตของสินค้า ตั้งแต่:

  • การสกัดวัตถุดิบ
  • การผลิต
  • การขนส่ง
  • การใช้งาน
  • ไปจนถึงการกำจัดหลังใช้งาน

ในบริบทของบรรจุภัณฑ์ เช่น ขวดหรือกระปุก สิ่งนี้ช่วยให้เรารู้ว่า วัสดุแต่ละชนิด ส่งผลกระทบต่อโลกมากแค่ไหน เมื่อพิจารณาแบบครบวงจร ไม่ใช่แค่ในสายตา


ขวดพลาสติก vs ขวดแก้ว vs ขวดอลูมิเนียม

พลาสติก = ผู้ร้าย? หรือเป็นแค่จำเลย?

แม้พลาสติกจะถูกตำหนิในด้านมลภาวะ แต่หากเปรียบเทียบในเชิงคาร์บอนต่อ “1 หน่วยการใช้งาน”
พลาสติก PET กลับเป็นหนึ่งในวัสดุที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นต์ต่ำที่สุด

วัสดุ

น้ำหนัก (เฉลี่ย)

คาร์บอนฟุตพริ้นต์

หมายเหตุ

ขวด PET (พลาสติก)

30–50 กรัม

ต่ำ

เบา ผลิตง่าย รีไซเคิลง่าย

ขวดแก้ว

250–400 กรัม

สูงกว่า PET 3–5 เท่า

หนัก ผลิตใช้ความร้อนสูง

ขวดอลูมิเนียม

50–100 กรัม

สูงในขั้นผลิต

หากไม่รีไซเคิล คาร์บอนสูงมาก

แหล่งข้อมูล: WRAP UK, EPA, Plastics Europe


ทำไมขวดพลาสติกจึงมีคาร์บอนต่ำกว่า?

1. น้ำหนักเบา = ใช้พลังงานขนส่งน้อย

รถขนส่งสามารถบรรจุขวด PET ได้มากกว่าขวดแก้วหลายเท่าในหนึ่งเที่ยว ช่วยลดการใช้น้ำมันและการปล่อย CO₂ จากยานพาหนะ

2. กระบวนการผลิตใช้พลังงานน้อย

  • แก้วต้องเผาที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,500°C
  • อลูมิเนียมใช้ไฟฟ้าจำนวนมากในการหลอม
  • พลาสติกใช้พลังงานต่ำกว่าอย่างชัดเจน

3. รีไซเคิลง่าย ลดพลังงานผลิตซ้ำ

การรีไซเคิลขวด PET เป็น rPET

  • ใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตใหม่ถึง 60%
  • ลดการปล่อย CO₂ ได้มากถึง 32–40%
  • กลายเป็นเส้นใยทำเสื้อ ผ้าห่ม พรม ฯลฯ

ตัวอย่างในไทย: “ผ้าห่มรักษ์โลก” จากขวดพลาสติก rPET โดยไทยเบฟเวอเรจ ที่ใช้ขวดพลาสติกกว่า 7.6 ล้านขวดในปีเดียว


พลาสติกไม่ได้แย่ หาก “ใช้ให้เป็น”

การเลือกวัสดุบรรจุภัณฑ์ไม่ควรขึ้นกับภาพลักษณ์ แต่ควรพิจารณา “วงจรชีวิต” ของวัสดุ และวิธีที่เราใช้มัน

แนวทางลดคาร์บอนจากขวดพลาสติก:

  • เลือกใช้ ขวดที่รีไซเคิลได้ เช่น PET หรือ HDPE
  • ใช้งานซ้ำ เมื่อสามารถทำได้
  • แยกขยะ ให้ถูกวิธี เพื่อเข้าสู่ระบบรีไซเคิล
  • สนับสนุน แบรนด์ที่ใช้วัสดุรีไซเคิล (rPET)
  • สื่อสารให้ลูกค้ารู้ว่า “ขวดพลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย” เสมอไป


บทสรุป: เมื่อข้อมูลสำคัญกว่าความรู้สึก

คาร์บอนฟุตพริ้นต์คือกระจกที่สะท้อนผลกระทบต่อโลกในมิติที่ลึกกว่า
และบางครั้ง…ผลลัพธ์อาจตรงข้ามกับสิ่งที่เราคิด

ขวดพลาสติก — ถ้าออกแบบดี ใช้อย่างรู้ค่า และรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ — อาจเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่าที่หลายคนเข้าใจ

เพราะวัสดุไม่ได้เป็นผู้ร้าย…แต่ “พฤติกรรมของเรา” ต่างหากที่ตัดสินว่ามันจะทำร้ายโลก หรือช่วยโลกได้


📚 อ้างอิง (References)

  1. WRAP UK. (2021). Life Cycle Assessment of Packaging Materials
  2. NGThai. (2020). พลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นฮีโร่เพื่อช่วยคนและโลก
  3. UNEP. (2020). Single-Use Plastics and Climate Impact
  4. Plastics Europe. Carbon Footprint of PET Packaging
  5. Thai Beverage. (2020). โครงการผ้าห่ม rPET


หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม 
Sriya Packing ยินดีให้คำปรึกษา

📩 ติดต่อเรา | โทร: 02-6374087 | LINE: https://lin.ee/aMpSappx | IG: srypacking

🌐 https://www.facebook.com/srypacking

Thursday, October 16, 2025

🏭 พลาสติกล้นโลก: เมื่อการผลิตมากเกินความต้องการ และผลสะเทือนต่อวงการบรรจุภัณฑ์

🌍 โลกกำลังผลิตพลาสติกมากเกินไปจริงหรือ?


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายสำนักข่าวและองค์กรสิ่งแวดล้อมระดับโลกเริ่มพูดถึงปรากฏการณ์ที่เรียกว่า


พลาสติกล้นตลาด (Plastic Overproduction)


โดยเฉพาะ ประเทศจีน — ซึ่งปัจจุบันถือเป็นผู้ผลิตพลาสติกและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีรายใหญ่ที่สุดของโลก

มีการขยายกำลังการผลิตอย่างรวดเร็ว จนหลายฝ่ายกังวลว่า อุปทานพลาสติกทั่วโลกกำลังเกินความต้องการอย่างชัดเจน



🇨🇳 จีนกับปัญหาผลิตพลาสติกเกิน (Overcapacity)

รายงานจาก Bloomberg (ก.ค. 2024) ระบุว่า จีนกำลังเผชิญ “พลาสติกล้นตลาด (plastics glut)”

หลังจากเร่งลงทุนสร้างโรงงานปิโตรเคมีและโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกจำนวนมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

เมื่อเศรษฐกิจภายในชะลอตัว ความต้องการใช้พลาสติกในประเทศลดลง ทำให้สินค้าจำนวนมากต้องถูกส่งออกในราคาต่ำ

🔗 Bloomberg: China’s Plastic Production Risks Souring Trade Ties (2024)

เว็บไซต์ PlasticsToday (2024) ก็รายงานคล้ายกันว่า จีนกำลังประสบภาวะ overcapacity ในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมี เช่น polyethylene (PE), polypropylene (PP) และ PVC

ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก

🔗 PlasticsToday: The Next Trade War with China (2024)

งานวิจัยจาก MDPI (2024) เรื่อง “China’s Plastic Consumption Trend and Sustainable Development Countermeasures”

พบว่าแม้จีนมีความต้องการพลาสติกเพิ่มขึ้นทุกปี แต่การลงทุนสร้างโรงงานใหม่มีมากเกินความต้องการจริงของตลาด

ส่งผลให้เกิด “ช่องว่างของกำลังการผลิตส่วนเกิน” (Excess Capacity Gap)

🔗 MDPI: Study on China’s Plastic Consumption Trend (2024)



📉 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลาสติกโลก


1. ราคาวัตถุดิบตกต่ำ


เม็ดพลาสติกพื้นฐาน (PE, PP, PET) มีแนวโน้มราคาลดลงในหลายภูมิภาค

เพราะมีสินค้าล้นตลาดและจีนส่งออกในราคาต่ำเพื่อระบายสต็อก

ผลดี: ผู้ผลิตปลายน้ำ (เช่น โรงงานบรรจุภัณฑ์) ได้ต้นทุนวัตถุดิบที่ถูกลง

ผลเสีย: โรงงานผู้ผลิตเม็ดพลาสติกทั่วโลกกำไรลดลง บางแห่งต้องหยุดการผลิตชั่วคราว


📊 ข้อมูลจาก ICIS (2025) ระบุว่า ราคาพอลิเอทิลีน (PE) ในเอเชียลดลงกว่า 15% ภายใน 1 ปี เนื่องจากอุปทานจากจีนสูงเกินปกติ



2. การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น


เมื่อจีนผลิตมากเกิน จึงส่งออกในราคาต่ำ (dumping)

ประเทศผู้ผลิตรายอื่น โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย, เวียดนาม, มาเลเซีย —

จึงต้องแข่งขันด้านราคาอย่างหนัก


ผู้ประกอบการที่เน้นสินค้าทั่วไป (เช่น ถุงพลาสติก, ฟิล์มห่อ, กล่องบรรจุภัณฑ์พื้นฐาน) จะได้รับผลกระทบมากที่สุด


📌 ตัวอย่าง: ปี 2024 ไทยนำเข้าพลาสติกกึ่งสำเร็จรูปจากจีนเพิ่มขึ้นกว่า 25% ตามข้อมูลกรมศุลกากรไทย

ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการระบายสินค้าล้นตลาดของจีน



3. แรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบายโลก


การผลิตพลาสติกที่มากเกินความจำเป็นไม่เพียงกระทบตลาดเท่านั้น

แต่ยัง เพิ่มปริมาณขยะพลาสติกและมลพิษคาร์บอนอย่างมหาศาล

ทำให้หลายประเทศเริ่มใช้มาตรการทางภาษีและกฎหมายเพื่อควบคุม


เช่น

สหภาพยุโรป (EU) ออกมาตรการ Plastic Tax สำหรับสินค้าพลาสติกที่ไม่รีไซเคิล

UN Environment Programme (UNEP) กำลังผลักดัน “สนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastics Treaty)” เพื่อจำกัดการผลิตใหม่ภายในปี 2030


🔗 CIEL Report: Plastics & Petrochemical Overcapacity Crisis (2024)



🧴 ผลสะเทือนต่อ “วงการบรรจุภัณฑ์”


🔹 ด้านต้นทุน:

ราคาวัตถุดิบลดลง ทำให้ต้นทุนผลิตบรรจุภัณฑ์บางชนิด (เช่น ฟิล์ม PP, ถุง PE) ต่ำลง

แต่ถ้าเกิด “สงครามราคา” (price war) โรงงานปลายน้ำอาจถูกกดราคาขายตามไปด้วย


🔹 ด้านการแข่งขัน:

ตลาดบรรจุภัณฑ์ทั่วไปจะยิ่งแข่งขันสูงขึ้น

ผู้ผลิตต้องหาทาง “แตกต่าง” เช่น

บรรจุภัณฑ์ชีวภาพ (bioplastic)

บรรจุภัณฑ์ต้านจุลชีพ (antimicrobial packaging)

บรรจุภัณฑ์ออกแบบเฉพาะทาง


🔹 ด้านสิ่งแวดล้อม:

เทรนด์บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกมาแรงขึ้นทั่วโลก

ผู้ผลิตควรหันมาใช้ พลาสติกรีไซเคิล (rPET, rPP) หรือวัสดุผสมลดคาร์บอน

หากยังยึดติดกับการผลิตปริมาณมากแบบเดิม อาจเสี่ยงต่อการถูกจำกัดการส่งออกในอนาคต



💡 บทสรุป: พลาสติกล้นตลาด = สัญญาณเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรม


ปรากฏการณ์ “พลาสติกล้นตลาด” โดยเฉพาะจากจีน

สะท้อนให้เห็นว่าวงการพลาสติกกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ —

จาก “ยุคของการผลิตปริมาณมาก” → “ยุคของคุณค่าทางนวัตกรรมและความยั่งยืน”


สำหรับผู้ประกอบการบรรจุภัณฑ์ไทยอย่าง ศรียา บรรจุภัณฑ์ (Sriya Packing) 🙋🏻‍♀️

นี่คือทั้ง “ความท้าทาย” และ “โอกาส”


🔹 ความท้าทาย: การแข่งขันด้านราคาจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
🔹 โอกาส: ผู้ที่ปรับตัวได้ไว เช่น ใช้วัสดุรักษ์โลก หรือพลาสติกคุณภาพสูง จะกลายเป็นผู้นำในตลาดยุคใหม่

🧴 คาร์บอนฟุตพริ้นต์: ขวดพลาสติกอาจเป็นพระเอกในโลกบรรจุภัณฑ์

ในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นวาระสำคัญระดับโลก วัสดุบรรจุภัณฑ์จึงถูกจับตามองมากขึ้นว่า “ดีต่อโลกจริงหรือไม่” หลายคนอาจรีบตัดสินว่าพลาสติกคือผู...